พัดลมกันระเบิด คืออะไร? พัดลมอุตสาหกรรมกันระเบิด (Explosion-Proof Fan) ทำไมโรงงานต้องใช้?

พัดลมอุตสาหกรรมกันระเบิด (Explosion-Proof Fan) ไม่ใช่พัดลมธรรมดา แต่คืออุปกรณ์ความปลอดภัยที่ถูกออกแบบมาเป็นพิเศษเพื่อใช้งานในพื้นที่อันตราย (Hazardous Area) ที่มีความเสี่ยงสูงต่อการเกิดเพลิงไหม้หรือระเบิด โดยเป็นไปตามมาตรฐานสากล เช่น IECEx หรือ ATEX

💡 พัดลมกันระเบิด คืออะไร? ทำไมโรงงานต้องใช้?

พัดลมกันระเบิด คือพัดลมที่ถูกสร้างขึ้นด้วยวัสดุและเทคโนโลยีที่ป้องกันไม่ให้เกิด ประกายไฟ (Spark) หรือ ความร้อนสูงเกินไป (Overheating) ซึ่งเป็นสาเหตุหลักของการจุดระเบิดในสภาพแวดล้อมที่มีสารไวไฟ

คุณสมบัติหลักที่ทำให้ "กันระเบิด" ได้:

1. มอเตอร์กันระเบิด (Explosion-Proof Motor): มอเตอร์จะถูกหุ้มปิดสนิท (Sealed) หรือออกแบบมาเป็นพิเศษเพื่อให้เปลวไฟหรือประกายไฟที่เกิดขึ้นภายในมอเตอร์ไม่สามารถเล็ดลอดออกมาสัมผัสกับแก๊สหรือฝุ่นไวไฟภายนอกได้ และมีระบบตัดการทำงานเมื่ออุณหภูมิสูงเกิน

2. วัสดุที่ไม่เกิดประกายไฟ: ชิ้นส่วนที่เคลื่อนไหว เช่น ใบพัด มักทำจาก อลูมิเนียมอัลลอยด์ หรือ พลาสติก PE (Polyethylene) ที่มีความแข็งแรงทนทานและไม่ก่อให้เกิดประกายไฟเมื่อเกิดการเสียดสีหรือกระทบกับโครงสร้างโลหะ

3. ระบบป้องกันไฟฟ้าสถิต (Anti-Static): มีการออกแบบเพื่อป้องกันการสะสมของไฟฟ้าสถิต ซึ่งเป็นแหล่งกำเนิดประกายไฟที่มองไม่เห็น (รวมถึงการใช้สายดินร่วมด้วย)

🏭 พัดลมกันระเบิดใช้ในพื้นที่ใดบ้าง?

พัดลมประเภทนี้มีความจำเป็นอย่างยิ่งในอุตสาหกรรมที่มีสารไวไฟ ไอระเหย หรือฝุ่นละอองที่ติดไฟได้ เช่น:

• อุตสาหกรรมปิโตรเคมีและน้ำมัน: โรงกลั่น, งานขุดเจาะ, โกดังเก็บถังน้ำมันเชื้อเพลิง

• อุตสาหกรรมเคมี: โรงงานผลิตสารเคมี, ห้องปฏิบัติการที่มีไอระเหยกรด/ด่าง

• อุตสาหกรรมผลิตสีและพ่นสี: บริเวณที่มีไอสีหรือตัวทำละลาย

• อุตสาหกรรมอาหารและเกษตรกรรม: โรงสีข้าว, โรงงานแป้ง (เนื่องจากฝุ่นแป้งหรือฝุ่นเมล็ดพืชสามารถก่อให้เกิดการระเบิดได้)

• พื้นที่อับอากาศ (Confined Space): เช่น อุโมงค์, บ่อพัก, ใต้ดิน (มักใช้พัดลมท่อแบบพกพา)

🌀 ชนิดและขนาดพัดลมกันระเบิดที่นิยมใช้

พัดลมกันระเบิดไม่ได้มีแค่ชนิดเดียว แต่มีหลากหลายรูปแบบและขนาด เพื่อให้เหมาะสมกับลักษณะการใช้งานและพื้นที่ติดตั้ง:

1. ชนิดของพัดลมกันระเบิด (ตามรูปแบบการติดตั้ง)

2. ขนาดพัดลมกันระเบิด (วัดจากใบพัด)

ขนาดของพัดลมกันระเบิดก็เหมือนกับพัดลมอุตสาหกรรมทั่วไป คือวัดจากเส้นผ่านศูนย์กลางของใบพัด โดยมีขนาดตั้งแต่ขนาดเล็กไปจนถึงขนาดใหญ่มาก เพื่อให้มีปริมาณลม (CFM) ที่เพียงพอต่อการระบายอากาศที่อันตราย:

• ขนาดเล็ก (12 - 20 นิ้ว): มักเป็นพัดลมแบบพกพา หรือพัดลมท่อ สำหรับใช้ในห้องปฏิบัติการ หรือพื้นที่ทำงานแคบ ๆ

• ขนาดกลาง (24 - 30 นิ้ว): ขนาดมาตรฐานที่นิยมใช้สำหรับพัดลมตั้งพื้นและติดผนัง ในโรงงานขนาดกลาง

• ขนาดใหญ่ (36 นิ้วขึ้นไป): มักเป็นพัดลมดูดระบายอากาศ (Exhaust Fan) ขนาดใหญ่ที่ใช้ในการถ่ายเทอากาศทั้งระบบของอาคารโรงงาน/โกดัง

🔑 3 ข้อสำคัญในการเลือกซื้อ "พัดลมกันระเบิด"

การเลือกพัดลมที่ถูกต้องคือการปฏิบัติตามข้อกำหนดด้านความปลอดภัยอย่างเคร่งครัด:

1. การจัดแบ่งพื้นที่อันตราย (Hazardous Area Classification)

ก่อนเลือกซื้อ ต้องทราบว่าพื้นที่ของคุณถูกจัดอยู่ใน โซน (Zone) หรือ คลาส (Class/Division) ใด ตามมาตรฐานสากล (เช่น Zone 0, 1, 2) เพราะพัดลมแต่ละรุ่นถูกออกแบบมาสำหรับโซนความเสี่ยงที่แตกต่างกัน

2. กลุ่มแก๊สและอุณหภูมิ (Gas Group & Temperature Class)

พิจารณาประเภทของสารไวไฟในพื้นที่ (เช่น Hydrogen, Methane) และกำหนด กลุ่มแก๊ส (Gas Group) ที่ถูกต้อง รวมถึง ระดับอุณหภูมิ (T-Class) ที่พื้นผิวของมอเตอร์จะต้องไม่เกินเพื่อไม่ให้จุดระเบิดสารไวไฟนั้น ๆ

3. ปริมาณลม (CFM) และการรับรองมาตรฐาน

• CFM: คำนวณปริมาณลมที่ต้องการเพื่อการระบายอากาศที่มีประสิทธิภาพ และเลือกขนาดใบพัดที่ให้ค่า CFM ที่สูงกว่าพัดลมทั่วไป (พัดลมกันระเบิดบางยี่ห้อให้ปริมาณลมสูงกว่าพัดลมมาตรฐานถึง 20%)

• มาตรฐาน: ตรวจสอบว่าพัดลมมี ใบรับรองมาตรฐานการกันระเบิด ที่เชื่อถือได้ (เช่น ATEX, IECEx, หรือ UL) ซึ่งเป็นหลักฐานยืนยันความปลอดภัยสูงสุด

สอบถาม รุ่นพัดลมกันระเบิด ขนาดต่างๆ พร้อมข้อมูลการรับรองมาตรฐาน

สอบถาม  ฝ่ายขาย: 087-341-9111, 086-538-0751 

Id Line: @overfan88 หรือ Line id: @fan8