พัดลมไอน้ำอุตสาหกรรม เป็นทางออกยอดนิยม สำหรับการลดอุณหภูมิในพื้นที่เปิดและกึ่งเปิดขนาดใหญ่ (เช่น โรงงาน, โกดัง, ร้านอาหาร, ลานกิจกรรม) โดยอาศัยหลักการทำความเย็นแบบระเหย (Evaporative Cooling) ซึ่งประหยัดพลังงานกว่าเครื่องปรับอากาศมาก! การเลือกพัดลมที่ถูกต้องต้องพิจารณาจาก ประเภท และ ขนาด เป็นหลัก เพื่อให้ได้ประสิทธิภาพสูงสุดและคุ้มค่าที่สุด
พัดลมไอน้ำที่ใช้ในอุตสาหกรรมและเชิงพาณิชย์ขนาดใหญ่สามารถแบ่งได้เป็น 2 ประเภทหลัก ตามลักษณะการติดตั้ง:
| ประเภทพัดลมไอน้ำ | ลักษณะเด่น | การใช้งานที่เหมาะสม |
| 1. ตั้งพื้น (Floor Standing) | มีฐานและล้อเลื่อน สามารถ เคลื่อนย้าย ได้ตลอดเวลา มีถังเก็บน้ำในตัว (ความจุ 40-80 ลิตร) | งานชั่วคราว/ยืดหยุ่นสูง: ลานกิจกรรม, งานอีเวนต์, โซนพักผ่อนพนักงาน, หรือพื้นที่ที่ต้องการเปลี่ยนจุดทำความเย็นบ่อย |
| 2. ติดผนัง (Wall Mounted) | ติดตั้งถาวร บนผนังหรือเสา เพื่อประหยัดพื้นที่พื้นผิว บางรุ่นต่อตรงเข้ากับระบบน้ำประปา | พื้นที่จำกัด/ถาวร: โรงงานที่มีเครื่องจักรเยอะ, ทางเดิน, หรือบริเวณที่ต้องการให้ความเย็นจากที่สูง |
💡 ข้อควรทราบ: บางครั้งอาจพบ ระบบพ่นไอน้ำแรงดันสูง (Fogging System) ที่มีการติดตั้งหัวพ่นหมอกขนาดเล็กจำนวนมากร่วมกับพัดลมธรรมดา ซึ่งเป็นอีกรูปแบบที่ใช้ในอุตสาหกรรม แต่เน้นการควบคุมความชื้นและการลดอุณหภูมิในวงกว้างกว่าพัดลมไอน้ำแบบมีถังในตัว
ขนาด ของพัดลมไอน้ำมักวัดจาก เส้นผ่านศูนย์กลางของใบพัด และ ปริมาณลม (Airflow / CFM) ที่สามารถสร้างได้
พัดลมไอน้ำอุตสาหกรรมมักมีขนาดตั้งแต่ 26 นิ้วขึ้นไป โดยขนาดที่นิยมใช้มากที่สุดคือ:
26 นิ้ว: เหมาะสำหรับพื้นที่ขนาดกลาง หรือการใช้งานที่ไม่หนักมาก
30 นิ้ว: ขนาดมาตรฐาน ยอดนิยม ให้แรงลมและปริมาณไอน้ำที่สูงขึ้น ครอบคลุมพื้นที่ได้ดีขึ้น
36 นิ้ว หรือใหญ่กว่า: (ในบางรุ่น) เน้นปริมาณลมสูงสุด สำหรับพื้นที่ขนาดใหญ่เป็นพิเศษ
ปัจจัยสำคัญอีกตัวคือ ปริมาณลม (Airflow) ซึ่งมักระบุเป็น ลูกบาศก์เมตรต่อชั่วโมง ($m^3/hr$) และ ความจุถังน้ำ ซึ่งส่งผลต่อระยะเวลาการใช้งานต่อเนื่อง:
| ตัวชี้วัด | คำอธิบาย | ตัวอย่างสเปคทั่วไป |
| ปริมาณลม ($m^3/hr$) | ยิ่งตัวเลขสูง ยิ่งระบายอากาศได้เร็ว และครอบคลุมพื้นที่ได้มาก | 8,000 - 20,000 $m^3/hr$ ขึ้นไป |
| ความจุถังน้ำ | กำหนดระยะเวลาที่พัดลมจะทำงานต่อเนื่องได้โดยไม่ต้องเติมน้ำ | 40 ลิตร (ใช้งานได้ประมาณ 5-8 ชม.) ไปจนถึง 80 ลิตร |
เพื่อให้การลงทุนของคุณคุ้มค่าและตอบโจทย์การใช้งานมากที่สุด ให้พิจารณา 4 ปัจจัยหลัก:
พื้นที่เล็ก/เฉพาะจุด (10-30 ตร.ม.): อาจใช้รุ่นใบพัด 26 นิ้ว หรือรุ่นที่มีปริมาณลมไม่สูงมาก
พื้นที่ขนาดใหญ่ (50 ตร.ม. ขึ้นไป): ควรเลือกรุ่นใบพัด 30 นิ้ว และมีปริมาณลม ($m^3/hr$) สูง เพื่อให้ลมเย็นครอบคลุมทั่วถึง
ต้องการความคล่องตัวสูง: เลือก แบบตั้งพื้น (Floor Standing) เพื่อปรับตำแหน่งได้ตามความจำเป็น
ต้องการพื้นที่โล่ง: เลือก แบบติดผนัง (Wall Mounted) เพื่อกำจัดความร้อนจากด้านบน
หากคุณต้องการใช้งาน ต่อเนื่องยาวนาน โดยไม่รบกวนการทำงาน (เช่น ใช้ตลอด 8 ชั่วโมงในไลน์ผลิต) ควรเลือกรุ่นที่มี ถังน้ำขนาดใหญ่ (60 ลิตรขึ้นไป) หรือเลือกรุ่นติดผนังที่สามารถต่อท่อน้ำเข้าโดยตรงอัตโนมัติ (Auto-refill)
เลือกพัดลมที่ได้ มาตรฐาน มอก. หรือมีการรับรองคุณภาพอื่นๆ
ตรวจสอบวัสดุของใบพัด (เช่น พลาสติก ABS หรืออลูมิเนียม) และโครงสร้าง ว่า ทนทาน ต่อการใช้งานในสภาพแวดล้อมอุตสาหกรรมที่มีฝุ่นและความชื้นสูงหรือไม่
เปรียบเทียบสเปคและราคา ของพัดลมไอน้ำอุตสาหกรรมขนาด 30 นิ้ว รุ่นยอดนิยมในตลาด เพื่อประกอบการตัดสินใจเพิ่มเติมหรือไม่ครับ?

จำหน่ายพัดลมโรงงาน, ผู้นำเข้าพัดลมอุตสาหกรรม, ขายพัดลมฟาร์ม, จำหน่ายพัดลมระบายอากาศ, ฝ่ายขาย: 087-341-9111, 086-538-0751 Line id: @overfan88และ Line id: 0865380751 บริษัทโอเวอร์อินเตอร์เทรดจํากัด





